คณะอาชญาวิทยาฯ ม.รังสิต วางหมุดหมายผลิตบัณฑิต ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสังคม
Date Published on 17 January 2028
คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม
มหาวิทยาลัยรังสิต เดินหน้ามุ่งผลิตบัณฑิตเพื่อนำองค์ความรู้ช่วยแก้ไขปัญหาอาชากรรมในสังคมไทย
รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์
พูตระกูล รองอธิการบดีฝ่ายความปลอดภัย และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม
มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า เดิมสาขาวิชาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม
ได้เปิดหลักสูตรในระดับปริญญาโทขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2552 ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากสถานการณ์การเกิดขึ้นของปัญหาอาชญากรรมของประเทศไทยในขณะนั้นมีแนวโน้มที่จะรุนแรงและสลับซับซ้อนมากขึ้น
และหลากหลายปัญหามีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมหรือประชาชนทั่วไปอาจจะยังรู้ไม่เท่าทันคนร้าย
หรือปรับตัวไม่เท่าทันกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ดังนั้น การให้องค์ความรู้แก่บุคลากรในกระบวนการยุติธรรม และการให้ความรู้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการก่อตั้งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์
สาขาวิชาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม (ในขณะนั้น) โดยมองว่าการเรียนทฤษฎีทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในการปรับเปลี่ยนองค์กรต่าง
ๆ ในกระบวนการยุติธรรม และภายหลังประมาณ 7 ปีต่อมา จึงได้เปิดหลักสูตรปริญญาเอกสาขาวิชาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรมขึ้นในปี
พ.ศ. 2559
“ด้วยสภาพปัญหาอาชญากรรมที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และผู้คนตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น คดีล้นมือตำรวจ
รวมทั้งคดีที่เข้าสู่ศาลมีปริมาณมากขึ้นจนเป็นปัญหาของประเทศ มหาวิทยาลัยจึงมีแนวคิดในการต้องให้ความรู้ประชาชนควบคู่ไปด้วยโดยเฉพาะเยาวชน
ซึ่งในปีการศึกษา 2561
ได้เปิดหลักสูตรในระดับปริญญาตรี สาขาวิชาอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์
และยกระดับขึ้นเป็นคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม
โดยมีหลักสูตรการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ด้วยหมุดหมายในการมุ่งผลิตบัณฑิตให้สามารถนำองค์ความรู้มาบูรณาการเพื่อการควบคุม
ป้องกัน และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่ทวีความรุนแรงและสลับซับซ้อนมากขึ้น และผลักดันให้สังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดทิศทาง
วิธีการและมาตรการของการแก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการยุติธรรม
เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยในปัจจุบัน”
รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์ กล่าวเกี่ยวกับจุดเด่นในการเรียนการสอนของคณะอาชญาวิทยาฯ
ว่า ประการที่หนึ่ง
เป็นคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
โดยมีหลักสูตรการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี (สาขาวิชาอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์
และสาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม) ปริญญาโทและปริญญาเอก (สาขาวิชาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม)
ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการเรียนการสอนในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กัน ประการที่สอง
นอกเหนือจากคณาจารย์ประจำซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยเชิญผู้มีประสบการณ์ตรงในหน่วยงานราชการ
เช่น ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ศาล อัยการ
กรมราชทัณฑ์ มาร่วมสัมมนาและให้ความรู้นักศึกษา ประการที่สาม
เนื่องด้วยจุดเริ่มต้นในการตั้งหลักสูตรนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการให้ปัญญาแก่สังคม
ต้องการชี้แสงสว่างให้กับสังคม จะเห็นว่าที่ผ่านมาเมื่อเกิดคดีอาชญากรรมร้ายแรงจะมีการจัดเสวนาในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น
ๆ อาทิเช่น การปฏิรูปตำรวจ การเสนอร่างกฎหมาย พรบ. ตำรวจแห่งชาติเข้าสภาฯ
คดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังหรือบอส กระทิงแดง
ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกระบวนการยุติธรรม คดีคุณแตงโม ฯลฯ
เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ ทำและให้ประชาชนหรือบุคคลที่สนใจติดตามคดีต่าง ๆ
หรือหน่วยงานภาครัฐได้กลับมาทบทวนรูปแบบการทำงานของตนเอง ประการที่สี่ มีความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
โดยมีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน
เช่น กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด
เป็นต้น ทำให้นักศึกษาที่เข้ามาเรียนได้รับองค์ความรู้มุมมองที่หลากหลายมากขึ้น
นอกจากนี้ หน่วยงานภายนอกองค์กรระหว่างประเทศเช่น สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ
(UNODC) ได้ติดต่อมายังคณะเพื่อร่วมจัดอบรมเสวนาให้แก่บุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
จัดอบรมให้ความรู้กับอาสาสมัครในการเฝ้าระวังและป้องกันเหตุอาชญากรรมหรือการเข้าไปสถานที่เกิดเหตุก่อน
ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าหน่วยงานองค์กรระดับโลกอยากมาร่วมมือกับเรา
แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการเรียนการสอนของคณะอาชญาวิทยาฯ ที่เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
และมีหลักสูตรเทียบเท่ามาตรฐานในอังกฤษ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา และ ประการที่ห้า
เมื่อเกิดเหตุอาชญากรรมต่าง ๆ ขึ้นในประเทศไทย อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของคณะมักจะได้รับเชิญจากสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ในการร่วมให้ความเห็น
ทั้งในแง่การให้ความรู้แก่ประชาชน และการชี้นำให้ทางออกแก่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังได้มีการบูรณาการองค์ความรู้กับชุมชน
โดยต่อยอดไปสู่การจัดตั้งตำรวจมหาวิทยาลัย (ตร.ม.) แห่งแรกและเเห่งเดียวในประเทศไทย
ภายใต้แนวคิดว่ามหาวิทยาลัยควรมีบทบาทสำคัญในการช่วยดูแลสังคม ซึ่งได้มีการจัดอบรมบุคลากรเพื่อทำงานดูแลมหาวิทยาลัยและชุมชน
โดยทำงานร่วมกับตำรวจ มีการฝึกอบรมบุคลากรที่ทำหน้าที่ทั้งสายตรวจ
ดูแลอำนวยความสะดวกจราจร
ซึ่งจากสถิติการเกิดอาชญากรรมในชุมชนรอบรั้วมหาวิทยาลัยภายหลังจากมีการจัดตั้งตำรวจมหาวิทยาลัยพบว่าจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
ตรงนี้จึงเปรียบเสมือนแหล่งเรียนรู้และเป็นโครงการนำร่องของประเทศ และจากความสำเร็จนี้ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมาศึกษาดูงานของตำรวจมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกับชุมชน
“สำหรับการดำเนินงานเกี่ยวกับการเรียนการสอนในอนาคต
ทางคณะฯ ได้มีการกำหนดแผนโดยดูทิศทางการพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อให้สอดรับนโยบายกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
พร้อมทั้งดูเรื่องการผลิตบัณฑิตเพื่อให้ตอบรับกับความต้องการของตลาดแรงงาน พร้อมทั้งดูแนวโน้มทิศทางสถิติการเกิดอาชญากรรมว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
เพื่อให้การผลิตบัณฑิตสอดรับกับการป้องกันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นด้วยในแง่ของการพัฒนาองค์ความรู้
การคิด การเรียนการสอน ขณะเดียวกันก็สอดรับกับนโยบายของมหาวิทยาลัยรังสิตคือ พัฒนาความเป็นนานาชาติและพัฒนาบัณฑิตให้ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาสังคม”
ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต กล่าวเพิ่มเติม
แชร์
Calendar
View more
Related blogs
View more
Loading...