“สควิดเกม” (Squid Game) ในมุมมองด้านอาชญาวิทยา
Date Published on 17 January 2028
“สควิดเกม”
ซีรีส์เกาหลีใต้แนวเอาชีวิตรอดที่โด่งดังไปทั่วโลก
นำเสนอเรื่องราวการแข่งขันสุดอันตรายเพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาล ซองกีฮุน
ชายวัยกลางคนผู้มีปัญหาชีวิต ทั้งหนี้พนัน การหย่าร้าง และการว่างงาน
ได้รับคำเชิญชวนให้เข้าร่วมเกมปริศนาที่เดิมพันด้วยชีวิต หวังพลิกสถานการณ์อันสิ้นหวัง
กีฮุนพบว่าเขาต้องแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันอีก
455 คน ซึ่งล้วนเผชิญปัญหาการเงินเช่นเดียวกัน
พวกเขาถูกพาไปยังสถานที่ลึกลับและต้องเผชิญหน้ากับเกมที่ดูเหมือนการละเล่นของเด็ก
แต่กลับมีบทลงโทษถึงตายสำหรับผู้แพ้ โดยเกมต่าง ๆ ประกอบด้วย: เออีไอโอ ยู (Red
Light, Green Light): เกมวิ่งไล่จับที่ผู้เล่นต้องหยุดนิ่งเมื่อตุ๊กตาหันมา
หากเคลื่อนไหวจะถูกยิง แกะน้ำตาล (Dalgona):
แกะแผ่นน้ำตาลให้เป็นรูปต่างๆ โดยไม่ให้แตก หากแตกจะถูกกำจัด ทั๊กคะเย่อ (Tug of War): การแข่งขันชักเย่อระหว่างสองทีม ทีมที่ถูกดึงตกจากแท่นจะแพ้ลูกแก้ว (Marbles):
เล่นเกมลูกแก้วกับคู่ต่อสู้ ผู้ที่เสียลูกแก้วทั้งหมดจะแพ้
สะพานกระจก (Glass Stepping Stones): เดินข้ามสะพานกระจกที่มีบางแผ่นรับน้ำหนักไม่ได้
หากเหยียบผิดแผ่นจะตกลงไป และ สควิดเกม (Squid Game): เกมสุดท้ายที่ผู้เล่นสองคนต้องแข่งขันกันในพื้นที่รูปปลาหมึก โดยการแข่งขันดำเนินไปพร้อมกับความโหดร้าย ผู้เล่นต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ความขัดแย้ง และการหักหลังกันเอง
หากวิเคราะห์ “สควิดเกม” ในมุมมองอาชญาวิทยาสามารถพิจารณาได้หลายแง่มุม
โดยมุ่งเน้นด้านอาชญากรรม
พฤติกรรมเบี่ยงเบน และปฏิกิริยาของสังคมต่อความรุนแรงที่ปรากฏในซีรีส์ อาทิ อาชญากรรมที่ปรากฏในซีรีส์:
การพนันผิดกฎหมาย: ตัวละครหลักหลายคนพัวพันกับการพนันผิดกฎหมาย
ซึ่งเป็นชนวนเหตุของปัญหาหนี้สินและผลักดันให้พวกเขาเข้าร่วมเกม การกักขังหน่วงเหนี่ยวและการละเมิดสิทธิเสรีภาพ:
ผู้เล่นถูกกักขังในสถานที่ปิดล้อมภายใต้การควบคุมของผู้จัดเกม
ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน การทำร้ายร่างกายและการฆาตกรรม: เกมต่าง ๆ
ในซีรีส์มีการใช้ความรุนแรงและการฆ่ากันอย่างเปิดเผย
ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง การฉ้อโกงและการหลอกลวง:
ผู้จัดเกมหลอกลวงผู้เล่นโดยสัญญาว่าจะมอบเงินรางวัล
แต่ในความเป็นจริงกลับใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นเครื่องมือในการเดิมพันเพื่อความบันเทิงของกลุ่มวีไอพี
และพฤติกรรมเบี่ยงเบน: พฤติกรรมเลียนแบบและความกังวลในสังคม: สะท้อนให้เห็นว่า เนื้อหาที่รุนแรงในซีรีส์อาจนำไปสู่พฤติกรรมการเลียนแบบ
โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่นักอาชญาวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น
ๆ ให้ความสนใจ สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social
Learning Theory) อธิบายว่าพฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการเลียนแบบพฤติกรรมจากสื่อต่าง ๆ
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมเลียนแบบจากซีรีส์
และนำไปสู่การกระทำความผิด ทฤษฎีความเครียด (Strain Theory): อธิบายว่าอาชญากรรมอาจเกิดขึ้นจากความเครียดและความกดดันทางสังคม เช่น
ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และการขาดโอกาส ซึ่งเป็นประเด็นที่ปรากฏในสควิดเกม
ตัวละครหลายตัวตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าร่วมเล่นเกม
เพื่อต้องการให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพความกดดัน ทฤษฎีการควบคุมทางสังคม (Social
Control Theory): อธิบายว่าการควบคุมทางสังคม เช่น ครอบครัว
โรงเรียน และชุมชน มีบทบาทในการป้องกันอาชญากรรม
การที่ผู้เล่นในสควิดเกมตัดสินใจเข้าร่วมเกมอาจสะท้อนถึงการขาดการควบคุมทางสังคมในชีวิตของพวกเขา
พวกเขาอาจขาดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครอบครัวหรือชุมชน จึงทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะกระทำผิดมากขึ้น
นั่นหมายความว่า หากตัวละครในเกมมีความผูกพันกับครอบครัว โรงเรียนและชุมชน
จะไม่ทำให้ตัวละครดังกล่าวกระทำความผิด และทฤษฎีทางเลือกเชิงเหตุผล (Rational
Choice Theory): อธิบายว่าอาชญากรรมเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล โดยผู้กระทำจะชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์และความเสี่ยงที่ตนจะได้รับก่อนที่จะตัดสินใจกระทำผิด
นอกจากนี้ ในสควิดเกม
ผู้เล่นอาจมองว่าโอกาสที่จะได้รับเงินรางวัลมหาศาลนั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
“สควิดเกม” จึงเปรียบเสมือนการจำลองภาพสะท้อนพฤติกรรมมนุษย์
ที่ถูกกำหนดโดยสภาพของสังคมเกาหลีใต้ ผ่านการนำเสนอเป็นรูปแบบภาพยนต์
เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นสภาพภาพความจริงในสังคมซึ่งแฝงไปด้วยสาระและความบันเทิงตามแต่อรรถรสของผู้รับชม
แชร์
Calendar
View more
Related blogs
View more
Loading...